วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ภัยที่มากับอาหาร ..กินน้อยตายยาก กินมากตายง่าย


  อาหารนี่แหละเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต หลักการง่ายๆ ไม่บริโภคเนื้อสัตว์รับประทานผักผลไม้ให้มากๆ หลายคนต่างรู้ดี แต่กลับบริโภค



ตามใจปาก ถ้าไม่ป่วยก็ไม่รู้ซึ้ง ดังนั้น มารู้จักการบริโภคอาหาร เพื่อป้องกันการเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้ากินน้อยจะตายยาก กินมากจะตายง่าย คุณจะเลือกแบบไหน

ชีวิตของคุณ ถูกกำหนดโดยอาหารที่คุณกิน ถังขยะหน้าบ้านบอกได้ว่า คุณทิ้งอะไรลงไป กินอะไรเข้าไป

ชีวิตคุณจะเป็นอย่างไรต่อไป เราเอง คนที่ประสบปัญหาการรับประทานอาหารดีเกินไป แพงเกินไป มากเกินไป สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้ ก็คือ น้ำหนักตัวที่เกินมา โรคภัยไข้เจ็บที่ไม่ต้องการ ทุกอย่างน่าจะแก้ไขได้ทัน หากวันนี้ เราหันมาใส่ใจสุขภาพ เพราะอาหารนั้น สามารถกำหนดชะตาชีวิตของเราได้ อย่างน้อย ถ้าอยากมีสุขภาพกาย-ใจ ดี ผิวพรรณผ่องใสจากข้างใน เลือดลมเดินดี ไม่มีโรค โดยไม่ต้องอาศัยครีมหน้าเด้ง หรือยาลดความอ้วน หรือทำมาหาเลี้ยงหมอทุกเดือน ขั้นแรกต้องเป็นหมอดูแลเรื่อง อาหารการกินของตัวเราเองก่อน
1. ลองเช็คตัวเองซิว่า ตอนนี้สุขภาพเป็นอย่างไร
ถ้าเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้า เราลุกจากเตียงเหมือนติดสปริงหรือเปล่า? ลุกขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่นมีชีวิตชีวาหรือไม่ ถ้าเสียงนาฬิกาปลุกดัง เรายังไม่ลืมตา เอามือไปกดแล้วนอนต่อ เพราะลุกไม่ไหว จนนาฬิกาปลุกตัวที่สองดังขึ้น นั่นเป็นสัญญาณแล้วว่า ต้องกลับมาดูแลตัวเอง เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดำรงชีวิตเสียใหม่ เริ่มต้นจากการกิน
จำไว้ว่า ถ้าเรากินน้อย จะตายยาก กินมากตายง่าย และอาหารที่เรากินทุกวันนี้ อาหารที่เสียหรือบูดเน่าง่าย กินแล้วตายยาก อาหารที่บูดเน่ายากๆ ใส่สารกันบูด กินแล้วตายง่าย
คนจีนโบราณเขาบอกว่า ตอนเช้าให้กินอย่างราชา กลางวันกินอย่างคนธรรมดา ตอนเย็นให้กินอย่างยาจก เพราะใกล้จะนอนแล้ว เป็นหลักดำรงชีวิตเพื่อสุขภาพ แต่คนเราใสปัจจุบันปฏิบัติกลับกัน ตอนเช้าไม่กินเลย กาแฟถ้วยเดียวแล้วรีบออกจากบ้าน พักกลางวัน 1 ชั่วโมงต้องรีบกิน มื้อเย็นไว้นัดเพื่อนฝูง กินมื้อใหญ่ เพราะเก็บกดมาทั้งวัน แล้วกลับบ้านไปนอนอืด ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมจึงมีสถาบันเสริมความงามลดน้ำหนัก ฟิตเนต ฯลฯ เกิดขึ้นมากมายราวกับดอกเห็ด

2. เริ่มต้นจากการทำใจ
ไม่จำเป็นต้องไปถือศีลกินเจ เคร่งจนวันหนึ่งตบะแตก เพียงแค่เริ่มต้นจากการค่อยๆ ลดสัตว์ใหญ่ ที่เราโปรดปราณ เช่น เนื้อวัว-ควาย ถ้าทำได้แล้ว ก็ลดเนื้อไก่-เป็ด ลดเนื้อปลาลงไปตามลำดับ หากทำใจไม่ได้ ก็อนุญาตให้หม่ำปลาต่อไป ตามด้วยผักผลไม้มากๆ เริ่มจากกินสัตว์ที่ตัวเล็กลงไปเรื่อยๆ ขอให้คิดว่า กินหมูดีกว่ากินวัว กินไก่ดีกว่ากินหมู กินปลาดีกว่ากินไก่ ทำได้ดังนี้ สุขภาพเรา ก็จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ

3. คลอโรฟิลล์ในร่างกายมนุษย์
ผักผลไม้สังเคราะห์แสงจากดวงอาทิตย์ สีเขียวคือคลอโรฟิลล์ มนุษย์เองก็มีคลอโรฟิลล์ หากร่างกายสมบูรณ์สะอาดจากข้างใน หากมีสิ่งแปลกปลอม สารพิษต่างๆ ในร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน และขับออกมาโดยอัตโนมัติ ไม่มีการเก็บสะสม
แล้วทำอย่างไรให้ร่างกายของเรามีคลอโรฟิลล์
ถ้าเราไม่กินสีเขียวๆ ของพืชผักผลไม้เลย ชีวิตคุณสั้นแน่ เพราะในนั้นมีคลอโรฟิลล์ มีคุณสมบัติในการฟอกเลือด สังเกตเลือดของคนที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ สีของเลือดจะสวย ใส ไม้ข้น เหมือนคนที่กินเนื้อสัตว์ เพราะเลือดมีสภาวะเป็นด่าง พืชผักผลไม้มีสารอาหาร ที่มีสภาวะเป็นด่าง แต่เนื้อสัตว์กับเลือดของสัตว์เป็นกรด ถ้ากินมาก เลือดเราจะไม่สมบูรณ์ หากเลือดข้นก็จะวิ่งตามเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ไม่สะดวก เป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ ได้

ถ้าเราไม่กินสีเขียวๆ ของพืชผักผลไม้เลย ชีวิตคุณสั้นแน่ เพราะในนั้นมีคลอโรฟิลล์ มีคุณสมบัติในการฟอกเลือด สังเกตเลือดของคนที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ สีของเลือดจะสวย ใส ไม้ข้น เหมือนคนที่กินเนื้อสัตว์ เพราะเลือดมีสภาวะเป็นด่าง พืชผักผลไม้มีสารอาหาร ที่มีสภาวะเป็นด่าง แต่เนื้อสัตว์กับเลือดของสัตว์เป็นกรด ถ้ากินมาก เลือดเราจะไม่สมบูรณ์ หากเลือดข้นก็จะวิ่งตามเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ไม่สะดวก เป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ ได้

4. ผัก 5 ชนิด ถั่ว 5 สี  การวัดค่าของเลือด เรียกว่า คาโลทีนอยว่าสูงสุด 20,000 - 49,000 มาตรฐานคนทั่วไปอยู่ที่ 20,000 - 40,000 คาโลทีนอยมาก มะเร็งจะไม่มีวันถามหา เพราะมีสารอาหารที่สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ การที่เรากินผักและผลไม้มากเท่าไหร่ เราก็จะมีคาโลทีนอยมากขึ้นเท่านั้น ผักผลไม้จะมีสีสันต่างๆ มากมาย อย่างสีส้มในแครอทสีส้มในมะละกอ สีเหลืองในมะม่วงสุก พวกนี้จะมีเบต้าแคโรทีนสารสีเหล่านี้จะมีแอนตี้ออกซิแดนซ์ถั่ว 5 สี จะทำให้อวัยวะหลักในร่างกาย เขาเรียกว่าเบญจธาตุมีความสมบูรณ์มากขึ้น ชีวิตจริง เราอาจจะกินถั่วไม่ครบ 5 สี แต่เรากินพืช ผัก ผลไม้ ครบ 5 สี แทนก็ได้เหมือนกัน

ถ้าจะเปรียบร่างกายเป็นประเทศชาติ ควรรับประทานข้าวกล้อง เพราะข้าวกล้องเป็น ราชาแห่งข้าว มีจมูกข้าวอุดมไปด้วยวิตามิน กล้วยน้ำว้า เป็นราชินี มีความหวานเป็นแป้งบริสุทธิ์ งาดำ-งาขาว เป็นขุนพล และดื่ม น้ำเต้าหู้ อย่างน้อยวันละแก้ว เพื่อล้างพิษต่างๆ ในร่างกาย ดื่มน้ำบริสุทธิ์มากๆ ตั้งแต่ตื่นนอน

ถั่ว 5 สี ช่วยบำรุงร่างกาย เช่น ถั่วแดง บำรุงหัวใจ รวมทั้งแตงโม, บีทรูตฯลฯ จะช่วยบำรุงเลือด การไหลเ่ีวียนของโลหิต ถั่วดำ รวมไปถึง งาดำ ฯลฯ จะบำรุงเส้นผม ผิวหนัง ชุ่มชื้น มันวาว ผมดกดำมัน ผมร่วง เชื้อราบนหนังศีรษะ รากผมแข็งแรง ผิวพรรณไม่แห้งกร้าน ถั่วซีด หรือ ถั่วขาว เช่น ถั่วลิสง, ลูกเดือย, แมกคาเดเมีย บำรุงกระดูก ให้แคลเซียม บำรุงกระดูกข้อมือ บำรุงฟัน ถั่วเหลือง ให้โปรตีน ถั่วเขียว บำรุงอวัยวะภายในร่างกาย

ถั่ว 5 สีนี้ รวมทั้งผัก 5 สี ควรจะรับประทานให้ครบถ้วน มนุษย์รับประทานครบ ก็จะมีคลอโรฟิลล์อยู่ในร่างกาย และนมถั่วเหลือง มีประโยชน์ต่อร่างกาย นักวิทยาศาสตร์จีนเปิดเผยว่า ดื่มน้ำเต้าหู้สดๆ ที่ทำใหม่ๆ วันละ 1 แก้ว สามารถช่วยฟอกพิษในร่างกายได้ แต่ต้องไม่ใช่น้ำเต้าหู้พาสเจอร์ไรซ์ที่ใส่สารกันบูด ที่มีขายเป็นกล่องๆ โดยทั่วไป

อยากอายุยืน ผิวพรรณสดใส อ่อนวัยไปนานๆ คงต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทาน และสิ่งสำคัญคือ การออกกำลังกาย ตามแบบที่เราถนัด ไม่ว่าจะเป็นวิ่งเหยาะๆ เล่นโยคะ ว่ายน้ำ หรือแม้แต่การทำงานบ้านเพื่อให้เหงื่อออก โลหิตไหลเวียนสะดวก เพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย แค่นี้ก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ที่ไม่จำเป็นในชีวิตอีกหลายอย่าง
แอนตี้ออกซิแดนซ์ถั่ว 5 สี จะทำให้อวัยวะหลักในร่างกาย เขาเรียกว่าเบญจธาตุมีความสมบูรณ์มากขึ้น ชีวิตจริง เราอาจจะกินถั่วไม่ครบ 5 สี แต่เรากินพืช ผัก ผลไม้ ครบ 5 สี แทนก็ได้เหมือนกัน


1 ความคิดเห็น: